The Active ไทยพีบีเอส เปิดเวที “Policy Forum : ‘พื้นที่เสี่ยง’ อยู่ หรือ ย้าย ? รับมือภัยพิบัติยุคโลกรวน” ภายใต้กิจกรรม “Green Active: โลกร้อง เรารีแอก” สำรวจความท้าทายในการจัดการภัยพิบัติเชิงนโยบาย ท่ามกลางวิกฤตโลกรวนที่ส่งผลกระทบตรงถึงชุมชน
องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส โดยศูนย์สื่อสารวาระทางสังคมและนโยบายสาธารณะ หรือ The Active ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัด “Policy Forum : ‘พื้นที่เสี่ยง’ อยู่ หรือ ย้าย ? รับมือภัยพิบัติยุคโลกรวน” เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้และถอดรหัส “ความเสี่ยง” จากภัยพิบัติในภาวะโลกรวน เพื่อค้นหานโยบายที่เหมาะสมที่จะนำไปสู่การรับมือและป้องกันเชิงรุกได้อย่างยั่งยืน ฟอรัมนี้จัดขึ้นภายใต้งาน “Green Active: โลกร้อง เรารีแอก” เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 ณ ไทยพีบีเอส
เริ่มต้นด้วย ผศ.ธิดา ไชยปะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เปิดเผยข้อมูลการพลัดถิ่นในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกในช่วงปี 2553 – 2564 จากศูนย์ติดตามการเคลื่อนย้ายภายในประเทศ (IDMC) พบว่ามีรายงานการพลัดถิ่นสะสมสูงถึง 225.3 ล้านครั้ง หรือคิดเป็น 78% ของการพลัดถิ่นทั่วโลก โดยมีสาเหตุหลักมาจาก "สภาพอากาศ" เป็นส่วนใหญ่ ในไทย ปี 2554 มีการพลัดถิ่นสูงถึง 1.64 ล้านครั้งจากเหตุอุทกภัยใหญ่ สะท้อนความเปราะบางของสังคมและความท้าทายในการจัดการภัยพิบัติเชิงนโยบาย

ผศ.ธิดา ไชยปะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เจตกรวีร์ จิรารัชตพงค์ ผู้ใหญ่บ้านดอยแหลม อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เล่าถึงเหตุการณ์ดินถล่มเมื่อ 11 ก.ย. 2567 ที่คร่าชีวิต 6 คน และสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนจำนวนมาก ส่งผลให้ชาวบ้าน 130 ครัวเรือนต้องการย้ายออกจากพื้นที่ แต่ความหวังนั้นไม่ง่าย เพราะติดเงื่อนไข “พื้นที่อุทยานฯ” ตามมาตรา 64 พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ทำให้พวกเขาไม่มีสิทธิในที่ดินและไม่สามารถโยกย้ายได้

เจตกรวีร์ จิรารัชตพงค์ ผู้ใหญ่บ้านดอยแหลม อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
รศ.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านดินถล่มและการจัดการภัยพิบัติ ชี้ให้เห็นสาเหตุของความเสี่ยงในหลายชุมชน เช่น กรณีบ้านดอยแหลม ว่า บ้านหลังแรกมักจะตั้งอยู่ในจุดที่ปลอดภัยที่สุด แต่การขยายตัวของชุมชนที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้มีการวางแผน ทำให้พื้นที่ปลอดภัย ขยายตัวออกไปกลายเป็นพื้นที่เสี่ยง การจัดการภัยพิบัติ มี 3 รูปแบบคือ 1.การจัดการโดยใช้โครงสร้างทางวิศวกรรม 2.ไม่ใช่โครงสร้างทางวิศวกรรม เช่น การจัดโซน การย้ายถิ่นชั่วคราว การย้ายถิ่นฐาน หรือระบบเตือนภัย และ 3.การปรับตัว ดังนั้น ภัยพิบัติในบางพื้นที่อาจปรับตัวได้ แต่บางแห่งก็ไม่สามารถทำได้ การย้ายจึงเป็นทางเลือกสำคัญหนทางหนึ่ง แต่จะย้ายไปไหน?

รศ.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านดินถล่มและการจัดการภัยพิบัติ
ทางด้าน มูฮัมหมัด ยังหะสัน ผู้อำนวยการกองที่ดินของรัฐ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ระบุว่า “ความทับซ้อนของพื้นที่” เป็นสาเหตุหลักในการแก้ปัญหาที่ดินของประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหานี้ สคทช. กำลังขับเคลื่อน 2 เครื่องมือสำคุญ คือ แผนบริหารจัดการที่ดิน 15 ปี เป็นแผนระยะยาวที่วางกรอบการใช้ประโยชน์และจัดสรรที่ดินให้มีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้น และ นโยบาย One Map เป็นการจัดทำแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐให้เป็นมาตรฐานเดียวทั้งประเทศ เพื่อกำหนดให้ “1 พื้นที่ มี 1 หน่วยงานรับผิดชอบ” อย่างชัดเจน ทั้งสองแนวทางจะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่ทับซ้อน เช่น เขตอุทยานฯ นอกจากนี้ สคทช. ยังเตรียมนำข้อมูล GIS Map มาใช้ประกอบแผนงาน เพื่อให้การจัดการที่ดินสอดคล้องกับภูมิประเทศจริงและมีความปลอดภัยมากขึ้นในอนาคต

มูฮัมหมัด ยังหะสัน ผู้อำนวยการกองที่ดินของรัฐ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.)
ซึ่งปัจจุบัน ศูนย์สังเกตการณ์ด้านมนุษยธรรมเพื่อการวิเคราะห์นโยบายและการศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (HOPESEA) และศูนย์ดาวเทียมแห่งสหประชาชาติ (UNOSAT) กำลังสร้าง “GIS Map” ที่จะนำปัจจัยความเสี่ยง 80 ตัวแปร และความเปราะบางทางเศรษฐกิจมาซ้อนทับกัน เพื่อเป็นฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ให้ประชาชนและหน่วยงานใช้ในการเช็กพื้นที่เสี่ยงจากความเปราะบางต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ “อยู่” หรือ “ย้าย” และวางแผนล่วงหน้าในการรับมือและป้องกันภัยพิบัติในเชิงรุก
ขณะเดียวกัน สุทธิรักษ์ อุฒมนตรี ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เปิดเผยถึงภารกิจของธนาคารที่ดิน ที่จะช่วยเข้าซื้อที่ดินจากเอกชนแบบแปลงรวม เพื่อจัดสรรให้ชาวบ้านที่รวมตัวกันเป็น “สหกรณ์” หรือ “วิสาหกิจชุมชน” ผ่อนชำระได้ 30 ปี ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ซึ่งจะเป็นทางเลือกที่ช่วยให้พี่น้องที่อยากย้าย ได้มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง อยู่ได้อย่างปลอดภัยและมีชีวิตที่มั่นคงในระยะยาว

สุทธิรักษ์ อุฒมนตรี ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน)
ทั้งนี้ The Active ไทยพีบีเอส ได้นำข้อมูลและข้อเสนอจากเวทีเสวนาในครั้งนี้ รวบรวมและเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม “Policy Watch” เพื่อเป็นสื่อกลางในการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะที่เชื่อมโยงกับประชาชน เป็นเครื่องมือติดตาม ตรวจสอบ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยเน้นการสื่อสารความรู้จากภาคพลเมืองอย่างมีส่วนร่วม สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thaipbs.or.th/PolicyWatch

ไม่พลาดทุกข่าวสาร สาระความรู้ และคอนเทนต์คุณภาพ ติดตามไทยพีบีเอสทุกช่องทางออนไลน์ ได้ที่
▪ Website : www.thaipbs.or.th
▪ Application : Thai PBS
▪ Social Media Thai PBS : Facebook, YouTube, X , LINE, TikTok, Instagram, Threads, Linkedin