ไทยพีบีเอสร่วมกับภาคีเครือข่าย จัด "เวทีสานใจฟอรั่ม" ชวนชาวบ้านสร้างโมเดลแก้ปัญหาขยะล้นชุมชน

ไทยพีบีเอส ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดเวทีสานใจ สานพลังภาคี สนับสนุนปฏิรูปชุมชนเข้มแข็ง ครั้งที่ 4 (สานใจฟอรั่ม) ว่าด้วย “การจัดการขยะโดยชุมชน” โดยมีภาคีเครือข่ายจากชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศมาร่วมแลกเปลี่ยนประเด็นกว่า 200 คน

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม 2561 ไทยพีบีเอส และสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกันจัดเวทีสานใจ สานพลังภาคี สนับสนุนปฏิรูปชุมชนเข้มแข็ง ครั้งที่ 4 (สานใจฟอรั่ม) ว่าด้วย “การจัดการขยะโดยชุมชน” ณ ห้องคอนเวนชั่น ฮอลล์ ชั้น 2 อาคารศูนย์การเรียนรู้ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ ซึ่งการจัดเวทีดังกล่าว มุ่งสร้างพลังชุมชน และร่วมกันสังเคราะห์ประเด็นสำคัญที่จะพัฒนาเป็นนโยบายสาธารณะ สู่การกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชุมชนเข้มแข็ง พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและบทเรียนเชิงประจักษ์ในระดับพื้นที่ว่าด้วยเรื่อง “การจัดการขยะโดยชุมชน”

รศ.ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวถึง “ทิศทางสื่อสาธารณะกับการสนับสนุนการปฏิรูปชุมชนเข้มแข็ง” ว่า

รายการของไทยพีบีเอสปี 2561 สอดแทรกประเด็นการจัดการขยะโดยชุมชนมาตลอด ทั้งรายการแบบออนแอร์ทางโทรทัศน์ ทางสื่อออนไลน์ และออนกราวด์ คือลงไปปฏิบัติการร่วมกับพื้นที่ ออกแบบกิจกรรมให้ชุมชนลุกขึ้นมาจัดการปัญหาขยะด้วยตัวเอง เช่น โครงการสมุยสะอาด รายการขยะวิทยา 101 รายการ Thailand Live ฟังเสียงประเทศไทย และรายการสะเทือนไทย เป็นต้น ล่าสุดไทยพีบีเอสทำแอพลิเคชั่นใหม่ C-site ให้นักข่าวพลเมืองส่งคลิปวิดีโอเข้ามานำเสนออีกด้วย ทั้งหมดช่วยให้เกิดโมเดลในการแก้ปัญหาขยะทั้งในท้องถิ่นและคนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมได้อย่างดี

นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวในหัวข้อ “ภาคีสนับสนุนปฏิรูปชุมชนเข้มแข็ง” ว่า “ปัจจุบันมีการยกร่าง ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็ง ถือเป็นเครื่องมือที่เอื้อให้เกิดโครงสร้างการทำงานพัฒนาชุมชนเข้มแข็งอย่างเป็นระบบ โดยมี สช. สภาพัฒน์ และ พอช. เป็น 3 องค์กรหลักเชื่อมโยงการทำงานกับหน่วยงานต่าง ๆ โดยใช้ชุมชนเป็นตัวตั้งแก้ปัญหาแบบบูรณาการ ขณะนี้มีความร่วมมือขององค์กรระดับชาติส่งเสริมชุมชนเข้มแข็งมากขึ้น เช่น ไทยพีบีเอส สช. พอช. มหาดไทย สสส. สปสช. สธ. ฯลฯ แต่ภาครัฐคงดำเนินการลำพังไม่ได้ ชุมชนต้องร่วมจัดการปัญหาด้วยตัวเองและสร้างโมเดลขึ้นมา”

ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ชุมชนเข้มแข็ง” ว่า “ความสำเร็จในการแก้ปัญหาขยะของประเทศไทย อาศัยทิศทางสำคัญ 3 ด้าน คือ 1.มีความมุ่งมั่นร่วมกัน (Porpose) สร้างสังคมที่สมดุลและมีสันติสุข 2.พัฒนาฐานราก (Phisical) ทั้ง 8 พันตำบล 8 หมื่นหมู่บ้าน และ 3.สานความร่วมมือ (Participation) โดยเน้นสื่อสารเชิงบวก ทำให้ผู้คนเกิดปัญญาและปฏิบัติตาม ดีกว่ามาตรการบังคับด้วยกฎหมายหรือใช้งบประมาณเป็นตัวตั้ง ถ้าทุกคนในประเทศนี้ร่วมมือสนับสนุนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อสารมวลชน ภาคประชาสังคม ผมคิดว่าตำบลปลอดขยะหรือขยะเป็นศูนย์นั้นเกิดขึ้นได้แน่นอน”

ทั้งนี้ เวทีมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและบทเรียนเชิงประจักษ์ในระดับพื้นที่ชุมชน ดำเนินรายการโดย นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ซึ่งนำโมเดลระดับพื้นที่ 5 แห่ง ได้แก่ การจัดการขยะชุมชน เมืองท่องเที่ยว (เกาะสมุย) โดย นายอานนท์ วาทยานนท์ ผู้แทนชุมชนเกาะสมุย กล่าวถึงโครงการบริหารจัดการขยะชุมชนบางมะขามว่า “เป็นความร่วมมือของไทยพีบีเอส เทศบาลนครเกาะสมุย และชาวชุมชนที่แก้ปัญหาขยะเปียก อาทิ เศษอาหารต่างๆ จากโรงแรม บ้านเรือน โดยใช้ถังหมัก หนอนแม่โจ้ และน้ำหมักชีวภาพ ทำให้เกิดปุ๋ยจำหน่ายที่มีคุณภาพ และกำจัดขยะเปียกได้ถึง 300 กิโลกรัมต่อวัน”

น.ส.พรทิพย์ จันทร์ผ่อง รองปลัดเทศบาลนครเกาะสมุย กล่าวเสริมว่า “โครงการบางมะขามโมเดลขณะนี้ มีโรงแรม 126 แห่งเข้าร่วมและจะขยายไปสู่โรงเรียนต่างๆ 26 แห่งตั้งธนาคารขยะและขยายสู่ชุมชนอีก 39 แห่ง พร้อมทั้งมีการทำเอ็มโอยูกับร้านค้า ร้านอาหาร และสถานประกอบการอื่นๆ มาให้ความรู้และร่วมมือกันไม่ทิ้งขยะเปียก ถือว่ากลุ่มคนสมุยได้ตื่นตัวและลุกขึ้นมาดูแลปัญหาตัวเอง”

นพ.สุธี ฮั่นตระกูล รองนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก กล่าวว่า “การจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชนของจังหวัดพิษณุโลก ใช้นโยบาย Zero Landfill คือทำให้เหลือขยะน้อยที่สุดก่อนฝังกลบหรือไปสู่เตาเผาขยะ หลักง่ายๆ คือรณรงค์คัดแยกตั้งแต่แหล่งกำเนิดระดับชุมชน ครัวเรือน หรือนำไปรีไซเคิล พบว่าจากปริมาณขยะทั้งหมด มีการแยกขายประมาณ 40% และทำปุ๋ยหมักอีก 40% จึงเหลือให้กำจัดเพียง 20% เท่านั้น ปัจจุบันการแยกขยะและนำกลับมาพัฒนาเป็นเฟอร์นิเจอร์ ทำรายได้ให้แก่ชุมชนเป็นกอบเป็นกำ เกิดเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุนสวัสดิการชุมชน”

ดร.สมไทย วงษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์จากภาคเอกชน กล่าวว่า “แนวคิดสำคัญในการแก้ปัญหาขยะคือต้องมีตลาดรองรับสินค้าที่นำมารีไซเคิล เพื่อให้คนที่คัดแยกขยะมีรายได้ เช่นทุกวันนี้นำขยะจากเกาะสมุย 30 ตันต่อวันเข้ากทม. ไม่ว่า ขวด กระป๋อง แป้ง ถุงพลาสติก สู่โรงงานแปรรูปเป็นเชือก แห อวน ส่งไปขายฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย หรือเส้นใยโพลีเอสเตอร์ทำเสื้อนักเรียน เสื้อนักกีฬาบอลโลก ฯลฯ ล่าสุดบริษัทกีฬายักษ์ใหญ่ข้ามชาติ เช่น ไนกี้ อาดิดาส อยากให้เรารวบรวมขยะพลาสติกในทะเล มาผลิตเป็นโรงเท้ากีฬาจากปกติคู่ละ 1,500 บาท ก็เป็น 4,000 บาท” 

ดร.สมไทย เรียกแนวทางการรีไซเคิลขยะว่าเป็น “ซาเล้งวิทยา” ล่าสุดได้ก่อตั้งสถาบันรีไซเคิลแห่งแรกของอาเซียนใช้ชื่อว่า Asean Institute of Recycling(AIR) ตั้งอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อดำเนินการเรียนการสอนให้กับผู้ประกอบการรีไซเคิลในเขตอาเซียน

นายซัยฟุตดีน เหร็มอะ ที่ปรึกษาผู้ใหญ่บ้านเขานา ต.คลองทราย อ.นาที จ.สงขลา นำปรัชญาเสรษฐกิจพอเพียงมาใช้ กล่าวว่า พื้นที่มีชาวบ้าน 300 กว่าคน เป็นมุสลิม 90% ในช่วงปี 2550 มีปัญหาขยะมากและกำจัดไม่ถูกวิธี ทิ้งแบบขาดจิตสำนึกความรับผิดชอบ เราจึงใช้ต้นทุนด้านศาสนามานำทาง เช่น สร้างธนาคารขยะในมัสยิด หรือการสร้างศูนย์เลี้ยงไส้เดือนโดยการนำขยะอินทรีย์วัตถุมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ
ขณะที่ นพ.สุนทร โสภณอัมพรเสนีย์ ผู้อำนวยการ รพ.สต.หนองพลวง ต.หนองพลวง อ.จักราช จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ได้แรงบันดาลใจมากจากโครงการทำดีเพื่อพ่อและอบต.ไม่มีงบประมาณในการซื้อรถขนขยะ จึงเกิดเป็นความร่วมมือจากชุมชนและครัวเรือนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีการร่างธรรมนูญสุขภาพเป็นกฎ กติกาแก้ปัญหาร่วมกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวประชาสัมพันธ์

บทสัมภาษณ์ผู้บริหาร

ข่าวกิจกรรม

กลับขึ้นด้านบน