ไทยพีบีเอส เปิดพื้นที่ Policy Forum "บัตรทองไปต่อหรือปรับเปลี่ยน"

The Active ไทยพีบีเอส จัด "Policy Forum : บัตรทอง บนทางแยก ไปต่อหรือปรับเปลี่ยน" ชวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมวิเคราะห์ - เสนอแนวทางปฏิรูประบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตัวแทน รพ. - คลินิกเตือนเงินบำรุง เงินสำรองเหลือ 46,000 ล้าน หวั่นปี 2570 ซ้ำรอยปี 2560

องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส โดยศูนย์สื่อสารวาระทางสังคมและนโยบายสาธารณะ หรือ The Active ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัด "Policy Forum : บัตรทอง บนทางแยก ไปต่อหรือปรับเปลี่ยน" เพื่อเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนระหว่างหน่วยให้บริการสถานพยาบาล ผู้รับบริการ และหน่วยงานหลักที่กำกับดูแลอย่าง กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมหาคำตอบในการสร้างระบบสาธารณสุขไทยให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 ณ ลานไม้ อาคารเอ ไทยพีบีเอส


ด้าน ผศ. นพ.สนั่น วิสุทธิศักดิ์ชัย รอง ผอ. รพ.ศิริราช ผู้แทน UHosNet กล่าวว่า ไม่มีใครอยากให้ระบบบัตรทองล่มสลาย ทุกคนอยากเห็นบัตรทองไปต่อ และปรับเปลี่ยน โดยระบบบัตรทองประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนแรก คือประชาชนผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการ รพ. คลินิกชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข ส่วนสุดท้ายคือผู้บริหารจัดการ ระบบ ซึ่งหากขาดส่วนใดส่วนหนึ่งระบบก็ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้

ผศ. นพ.สนั่น วิสุทธิศักดิ์ชัย รอง ผอ. รพ.ศิริราช

ขณะที่ นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ ผอ.รพ.ราชบุรี ระบุว่า ไม่มีใครอยากล้มระบบหลักประกันสุขภาพ แต่สถานการณ์ตอนนี้หน่วยบริการวิกฤต และได้รับผลกระทบหนัก โดยจะเห็นจากตัวเลขเงินบำรุงในไตรมาส 2 เหลือ 46,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ แต่ถ้าจ่ายในวิธีเดิม โดยยังมีค่าใช้จ่ายและรายรับเท่าเดิม ทำให้แนวโน้มว่าในปี 2570 เราจะลำบาก แม้ระบบจะไม่ล่มแต่จะไปลำบากเหมือนในปี 2560 เพราะเงินบำรุง รพ.ทั้งระบบเหลือแค่ 2,000 ล้าน ทำให้ รพ.ไม่มีเงินเหลือที่จะจ่ายค่าตอบแทนจนต้องค้างหลายเดือน

นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ ผอ.รพ.ราชบุรี

ทางด้าน นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบท เปิดเผยว่า รพ.สะบ้าย้อย ซึ่งตนเป็นผู้อำนวยการ เป็นหนึ่งใน 13 รพ.ที่ขาดทุน ข้อมูลจาก รพ.อีก 780 แห่ง สะท้อนปัญหาชัดเจนว่ารายรับเงินบำรุงกับรายจ่ายไม่สมดุลเพราะมีรายจ่ายมากขึ้น เนื่องจากผู้รับบริการมากขึ้น เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น เพราะความคาดหวังประชาชนสูงขึ้น ขณะที่ค่าตอบแทนบุคลากรเพิ่มขึ้น ทำให้รายจ่ายมีมากกว่ารายรับที่ได้

นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบท

ขณะเดียวกัน ศรินทร สนธิศิริกฤตย์ คลินิกเวชกรรมอารีรักษ์ คลองเตย ตัวแทนคลินิกอบอุ่น กล่าวว่า คลินิกอบอุ่นหลายแห่งในต่างจังหวัดเริ่มล้มละลาย ส่วนใน กทม. ก็มีจำนวนหนึ่งปิดกิจการ แม้ กทม. จะได้รับงบประมาณมากกว่าต่างจังหวัด แต่มีผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) จำนวนมากถึง 20 % และผู้ป่วยใน กทม. ส่วนใหญ่ต้องการให้ส่งตัวไปโรงเรียนแพทย์ที่มีค่าใช้สูง แม้จะมีงบประมาณในการส่งเสริมป้องกันเพิ่มขึ้น 10% แต่ก็ไม่คุ้มค่ารักษาที่ต้องจ่ายไป

ศรินทร สนธิศิริกฤตย์ คลินิกเวชกรรมอารีรักษ์ คลองเตย

ทางด้าน นพ.สุวิทย์ วิบูลผลประเสริฐ กรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข กล่าวว่า ระบบบัตรหลักประกันสุขภาพจะล้มไม่ได้พึ่งพูดกันในวันนี้ แต่พูดมาตั้งแต่ตั้งกองทุนวันแรก โดยมีผู้เชี่ยวชาญธนาคารโลก 2 คน เข้าพบแล้วบอกให้เลิกทำบัตรทอง เพราะงบประมาณจะเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจจะล้ม แต่เราทำกันมานานกว่า 24 ปี ก็ยังเดินมาได้ จนวันนี้ธนาคารโลกต้องมาสารภาพ และต้องเรียนรู้จากไทยที่ทำได้สำเร็จ เพราะฝ่ายการเมืองเอาจริง ประชาชนเอาจริง และบุคคลากรสาธารณสุขเอาจริง มีจิตวิญญาณในการรักษาผู้ป่วยจริง ๆ

นพ.สุวิทย์ วิบูลผลประเสริฐ กรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข

ในอีกมุมหนึ่ง ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ สปสช. พยายามของบประมาณเพิ่ม แต่ได้งบต่ำกว่าที่เสนอ ขณะที่สิทธิประโยชน์เพิ่มมากขึ้น หากเทียบค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพกับประเทศ OECD ไทยอยู่ที่ 13 % ขณะที่ประเทศ OECD 18%

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช.

"เราเห็นปัญหาตรงกันเรื่องต้นทุนที่อาจจะไม่สะท้อนกับการดำเนินการจริง ดังนั้น สปสช. จะหาหน่วยงานที่เป็นกลางจริง ๆ ไปดูต้นทุนว่าโรงพยาบาลในแต่ละระดับเป็นอย่างไร รวมถึงคลินิกด้วย ว่าต้นทุนจริง ๆ เป็นอย่างไร ถ้ามีข้อเท็จจริงที่รอบด้านเชื่อถือได้จากคนกลาง คิดว่ารัฐบาลก็แฟร์พอ ที่จะเติมเงินเข้ามาในระบบได้" ทพ.อรรถพร กล่าว

นพ.สราวุฒิ บุญสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 กล่าวเช่นกันว่า ไม่มีใครต้องการให้บัตรทองไปต่อไม่ได้ เพราะว่าไทยเป็นประเทศที่จัดการระบบสุขภาพได้ดี เพราะเราใช้เงินกับระบบสุขภาพค่อนข้างมาก แต่สิ่งที่เรากำลังพยายามจะทำคือการลดจำนวนผู้ป่วยลงโดยไปทำงานด้านการส่งเสริมป้องกันให้ประชาชนดูแลตัวเองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้มีปัญหากับ สปสช. แต่เราร่วมมือกันทำงานระบบบริการสุขภาพ แต่ถ้าการใช้เงินมันโตไปเรื่อย ๆ เราจะทำอย่างไรให้ลดต้นทุน แต่ยังคงมีคุณภาพ แล้วหาเงินมาเติม เป็นสิ่งที่ท้าทายกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเราร่วมกับ สปสช. ไม่ใช่ ต่างคนต่างทำ

นพ.สราวุฒิ บุญสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1

ทั้งนี้ The Active ไทยพีบีเอส ได้นำข้อมูลจากเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้ รวบรวมและเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม "Policy Watch" เพื่อเป็นสื่อกลางในการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะที่เชื่อมโยงกับประชาชน พร้อมทั้งเป็นเครื่องมือติดตาม ตรวจสอบ และสร้างการมีส่วนร่วมในนโยบายสาธารณะจากทุกภาคส่วน โดยมุ่งเน้นการสื่อสารความรู้จากภาคพลเมืองอย่างมีส่วนร่วม ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thaipbs.or.th/PolicyWatch 


ไม่พลาดทุกข่าวสาร สาระความรู้ และคอนเทนต์คุณภาพ ติดตามไทยพีบีเอสทุกช่องทางออนไลน์ ได้ที่

▪ Website : www.thaipbs.or.th   
▪ Application : Thai PBS
▪ Social Media Thai PBS : Facebook, YouTube, X , LINE, TikTok, InstagramThreadsLinkedin

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวประชาสัมพันธ์

บทสัมภาษณ์ผู้บริหาร

ข่าวกิจกรรม

กลับขึ้นด้านบน